ฮิโรชิมา (Hiroshima) : เมื่อครั้งแรกที่ผมได้ยินคำนี้ในใจก็แว๊บถึงคำพูดอีกคำหนึ่งขึ้นมาได้ทันทีเลย คำๆนั้นก็คือ "
ระเบิดปรมาณู" แน่นอนว่าสถานที่เที่ยวของผมในครั้งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับสิ่งนี้แน่ๆ ใช่แล้วครับ ผมกำลังจะเดินทางพาไปเที่ยวชมที่
"สวนสันติภาพฮิโรชิมา" (Hiroshima Peace Memorial Park) ที่ซึ่งมีประวัติศาสตร์อันน่าจดจำและควรนำไปเป็นบทเรียนสำหรับใช้ในการดำเนินชีวิตที่ดีต่อไปในอนาคต
มาศึกษาประวัติศาสตร์กันเถอะ
ก่อนที่เราจะไปเที่ยวกัน ผมอยากจะเกริ่นถึงประวัติอย่างคร่าวๆของเมืองฮิโรชิมากันก่อนนะครับ เพราะบางครั้งการท่องเที่ยวโดยรู้ถึงประวัติศาสตร์ในสถานที่นั้นๆก็จะทำให้การท่องเที่ยวของเราสนุกมากยิ่งขึ้น เดิมทีเมืองฮิโรชิมาในอดีตนั้นเป็นเมืองท่าที่เจริญและสำคัญเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น จนกระทั่งเข้าสู่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ได้เปลี่ยนแปลงเมืองนี้ไปสู่โศกนาฏกรรมที่ฆ่าชีวิตคนในเมืองไปเป็นจำนวนมาก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นญี่ปุ่นถือเป็นศัตรูกับประเทศสหรัฐอเมริกาและการต่อสู้ก็ยืดเยื้อยาวนานจนกระทั่งได้มีการทิ้งระเบิดปรมาณู (มีรหัสว่าลิตเติ้ลบอย Little Boy) เข้าใส่เมืองฮิโรชิมา การทิ้งระเบิดในครั้งนั้นทำให้ชาวเมืองเสียชีวิตทันทีประมาณ 70,000 คน ขณะที่มีผู้คนเสียชีวิตตามมาอีกเป็นจำนวนมากจากกัมมันตรังสีและมะเร็ง เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงจึงได้มีการบูรณะซ่อมแซมเมือง จนกระทั่งได้มีการขึ้นทะเบียนมรดกโลกตึก
A-Bomb Dome ซึ่งเป็นตึกที่ยังคงหลงเหลืออยู่จากการโดนทิ้งระเบิดครับ
เริ่มการเดินทาง
วันนี้ผมออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเที่ยวเมืองฮิโรชิมา แน่นอนว่าการเดินทางของผมก็อาศัยตั๋วรถไฟ JR Pass ที่ได้แลกมาแล้วสิ่งแรกที่เห็นก็คือแม้ว่าจะเป็นรอบเช้าแต่คนญี่ปุ่นก็ยังคงพลุกพล่านมาก ได้มีโอกาสเห็นเด็กใส่ชุดนักเรียนซึ่งคิดว่าคงจะต้องไปทัศนะศึกษาที่ไหนเป็นแน่แท้
|
เด็กนักเรียนเดินทางแต่เช้า มีคุณครูคอยดูอยู่ |
หลังจากนั่งรถไฟมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าผมก็มาถึงเมืองฮิโรชิมาครับ บรรยากาศแรกที่สัมผัสได้ก็คือรู้สึกว่าเป็นเมืองที่เงียบสงบมาก จากนั้นผมก็ออกเดินทางโดยรถบัสเพื่อจะไปให้ถึงสวนสันติภาพก่อนเลย วิธีการเดินทางจากสถานีรถไฟฮิโรชิม่า ให้ต่อรถรางสาย 2 หรือ สาย 6 ไปลงที่
สถานี Genbaku Dome-mae (Atomic Bomb Dome) ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีครับ
|
สถานี Atomic Bomb Dome |
เมื่อมาถึงสวนสันติภาพก็ได้พบกับบรรยากาศที่เงียบสงบจริงๆ ก็เดินลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆจนไปถึงสวนสันติภาพ ซึ่งข้างในสวนนี้ก็จะมีรูปปั้นอนุสรณ์ต่างๆ มากมายครับ
|
เหล่าต้นไม้บริเวณสวนสาธารณะ |
อากาศร่มรื่นเย็นสบาย เดินได้ไม่มีร้อน (สิ่งที่สังเกตได้ที่ประเทศญี่ปุ่นก็คือ มีต้มไม้ใหญ่ๆอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเมืองใหญ่ เมืองเล็ก ทำให้เมื่อเดินแล้วรู้สึกดีมากๆ)
|
บรรยากาศภายในสวนสาธารณะ |
บางครั้งการได้มาเดินเที่ยวบริเวณสวนพวกนี้ก็ทำให้จิตใจสงบดีนะครับ ไม่ต้องรีบเร่ง ไม่ต้องวุ่นวาย ใช้ชีวิตให้มีความสุขอยู่กับปัจจุบันหาเวลาไปพักผ่อนบ้าง (โดยเฉพาะมาเที่ยวญี่ปุ่น)
|
ปฏิมากรรมบริเวณนั้น |
เดินมาได้ซักพักนึง ก็มาถึงตึก
A-Bomb Dome ซึ่งตึก A-Bomb Dome นั้นถือเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของสวนสันติภาพแห่งนี้ เพราะหลังจากการระเบิดของปรมาณูก็ได้กลายเป็นหนึ่งในไม่กี่อาคารที่ยังเหลือรอดมาได้และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกไปแล้วด้วย
|
A-Bomb dome ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก |
ลองย้อนนึกกับไปในอดีตกันครับว่าคนในสมัยนั้นจะเจ็บปวดขนาดไหน จากแรงระเบิดปรมาณู และผลกระทบที่ตามมาหลังจากนั้น
|
เหลือแต่ซากปรักหักพัง |
เมื่อเดินชมซากตึก A-Bomb Dome ที่หลงเหลืออยู่เสร็จแล้ว จากนั้นก็เดินไปชม
อนุเสาวรีย์ ซาดาโกะ กัน ซึ่งเธอคือเหยื่อที่ได้รับผมกระทบจากภัยสงครามในครั้งนั้น โดยขอเล่าถึงประวัติของซาดาโกะนิดนึงครับ เริ่มจากซาดาโกะเธอเป็นเด็กชาวญี่ปุ่นที่รอดชีวิตจากการทิ้งระเบิดปรมาณูที่เมืองฮิโรชิมา แต่ต่อมาพบว่าเธอเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นผลมาจากระเบิดปรมาณูทำให้สุขภาพของเธอแย่ลง เมื่อเพื่อนของเธอได้เล่าให้ฟังถึง
ตำนานการพับนกกระเรียน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของสุขภาพที่แข็งแรงและอายุยืนยาว หลายคนเชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิในการขอพรหากพับจนครบ 1,000 ตัว จะสามารถอธิษฐานขอพรให้แข็งแรงได้ ซาดาโกะมีความหวังที่จะมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อไป จึงเริ่มพับนกกระเรียนด้วยร่างกายที่อ่อนแอโดยไม่ย่อท้อ แต่สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา จากนั้นจึงมีการก่อสร้างอนุเสาวรีย์เพื่อระลึกถึงความพยายามและความสู้ชีวิตจนถึงวินาทีสุดท้ายของเธอ ผมอ่านไปก็เศร้าไปครับ
|
อนุเสาวรีย์ ซาดาโกะ เป็นรูปเด็กหญิงชูนกกระเรียนสองตัวไว้เหนือศรีษะสื่อถึงความต้องการสันติภาพ |
ปิดท้ายด้วยรูปภาพเด็กๆออกมาทัศนะศึกษาที่สวนสันติภาพแห่งนี้ ก็หวังว่าต่อไปเด็กๆเหล่านี้จะทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น สามารถยุติความรุนแรงต่างๆ และหันมาอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขต่อไปครับ
|
เด็กๆน่าจะมาทัศนะศึกษานอกสถานที่ |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น