หากจะกล่าวถึงเมืองที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์เมืองหนึ่งของประเทศญี่ปุ่น เป็นที่ตั้งของ
สุสานโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ผู้เป็นโชกุนคนแรกของตระกูลโทะกุงะวะ ซึ่งเป็นผู้นำไปสู่ยุคสมัยอันยิ่งใหญ่อย่างยุคเอโดะ อีกทั้งยังมีสถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่าง
วัดรินโนจิ และ
ศาลเจ้าโทโชกุ ให้คนได้เข้าไปกราบไหว้ รวมถึงธรรมชาติทีงดงามสมบูรณ์เป็นฉากหลังให้กับ
สะพานชินเคียว พร้อมที่จะอวดสีสันให้ผู้คนได้ติดตาม เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นล้วนอยู่ในเมืองนี้ครับ
นิกโก้ (Nikko)
นิกโก้นั้นเป็นเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของกรุงโตเกียวไปประมาณ 140 กิโลเมตร การเดินทางไปยังเมืองนิกโก้นั้นใช้เวลาเดินทางไปประมาณ 2 ชั่วโมง โดยหากท่านมีตั๋ว JR Pass ขอให้มาลงที่
สถานี Nikko ครับ
ถึงสถานี Nikko
สำหรับตัวผมเมื่อมาถึงสถานี อุณหภูมิในตอนนั้นน่าจะอยู่ประมาณตัวเลขหลักเดียวบวกกับเสื้อผ้าก็มีแค่เสื้อยืดและสวมเสื้อแขนยาวทับอีกตัว (ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับมาเที่ยวธรรมชาติเล๊ย - -! คนอื่นเค้าจัดเต็มกันมา) ทำให้ความหนาวนั้นสั่นสะท้านไปถึงข้างในเลยครับ
|
บรรยากาศทั่วไป หนาวมาก |
โดยเมื่อมาถึงสถานี Nikko นั้นก็อยากให้ทุกคนได้มาถ่ายรูปกับสถานี Nikko กันก่อนครับ เพราะเป็นสถานีที่เก่าแก่และมีเอกลักษณ์เป็นอย่างมาก
|
ถ่ายรูปไป มือก็สั่นไป |
เริ่มลุยกันเลย
อย่างแรกเลยก็รอรถแถวๆสถานีนี่หล่ะครับ โดยรอรถ World-Heritage Bus สำหรับเที่ยวชมสถานที่ต่างๆในนิกโก้ ผมนั้นเมื่อรถมาถึงก็รีบกระโดดขึ้นไปเลยเพราะหนาวมากครับ เลยไม่มีรูปรถมาประกอบ T T
วัดรินโนจิ Rinnoji
พอนั่งรถมาได้ซักพักผมก็เลือกลงที่วัดรินโนจิเป็นที่แรก โดยวัดนี้เป็นวัดในพุทธศาสนาครับ เพราะฉะนั้นด้านในจะมีพระพุทธรูปไม้แกะสลักต่างๆ ได้อย่างยิ่งใหญ่และสวยงามมาก มีองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือ ซึ่งหากใครได้มาก็ขอให้เข้าไปชมกันครับ (ด้านในเค้าไม่ให้ถ่ายรูปพระพุทธรูปนะ)
|
ภาพมุมสูงจากบริเวณจุดชมวิวด้านใน |
|
สวนบริเวณรอบๆ |
เมื่อออกมาจากในวัดแล้ว ต่อไปผมก็มุ่งหน้าจะไปบริเวณศาลเจ้าโทโชกุครับ
|
เด็กๆใส่ชุดประจำชาติ เข้ากับบรรยากาศ |
ศาลเจ้าโทโชกุ (Toshogu Shrine)
ศาลเจ้าโทโชกุนั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแก่โชกุนโทะกุงะวะ อิเอะยะซุ ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก การที่ได้ชมศาลเจ้าอันเป็นมรดกโลกที่มีทั้งประวัติความเป็นมาและบรรยากาศต่างๆได้ด้วยการเดินเท้านั้น ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีเอามากๆเลยครับ
|
ชาวญี่ปุ่นเข้าชมเป็นจำนวนมาก |
|
สถาปัตยกรรมบริเวณศาลเจ้า |
และภายในบริเวณศาลเจ้ายังมีสิ่งยอดฮิตที่ต้องไปชมให้ได้คือรูปลิงที่ถูกแกะสลักในลักษณะ ปิดหู ปิดปาก ปิดตา อันหมายถึง การไม่ฟังที่ที่ไม่ดี การไม่พูดสิ่งที่ไม่ดี และการไม่ดูสิ่งที่ไม่ดี
|
รูปลิงยอดฮิต |
หลังจากชมบริเวณศาลเจ้าเรียบร้อยแล้ว ที่ต่อไปที่จะเข้าไปชมก็คือบริเวณสุสานของโชกุน โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ
สุสานของโชกุน โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ
ก่อนที่จะเข้าไปชมสุสาน มีสิ่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันสำหรับคนที่มาเที่ยวนิกโก้ที่ต้องได้เห็น นั่นก็คือรูปแมวหลับแกะสลักครับ ก็มีตำนานเล่ากันต่างๆนาๆ แต่สำหรับผมมองดูแล้วเหมือนมันกำลังจ้องมองรอตระคลุบเหยื่ออยู่อย่างใจเย็น
|
ทำท่าเหมือนกำลังจะตระคลุบเหยื่อ |
การที่จะขึ้นไปเยี่ยมชมสุสานของโชกุน โทะกุงะวะ อิเอะยะซุ จะต้องใช้ความพยายามกันอยู่ซักหน่อยนะครับ เนื่องจากต้องเดินขึ้นบันไดประมาณ 200 ขั้นซึ่งทั้งชันและสูงอยู่พอสมควรเลย ผมเองกว่าจะขึ้นไปได้ก็แทบแย่อยู่เหมือนกัน
|
หนทางช่างยาวไกลนัก |
|
ต้องขึ้นบันไดนี้ไปอีก |
และสุดท้ายก็มาถึงด้านบนจนได้ โดยการเข้าชมบริเวณสุสานจะเป็นลักษณะทางเดินแคบๆวนรอบสุสานซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินวนรอบได้ครับ
|
บริเวณรอบสุสานสามารถชมแบบเดินวนรอบได้ |
|
อีกมุมหนึ่งของบริเวณสุสาน |
หลังจากเดินชมบริเวณสุสานเสร็จ ก็ขอพักมารับประทานอาหารกันก่อน แต่ว่าร้านอาหารอยู่ตรงไหนหล่ะ ? ผมเองมองไปรอบๆก็หาไม่เจอครับ ฝนเองก็เหมือนกำลังจะตก อากาศก็หนาวมาก แทบจะเป็นลมหล่ะครับช่วงนั้น เดินไปเดินมาหาซักพักก็เจอแล้วครับร้านด้านล่างนี้ เลยรอดชีวิตมาได้ (อยากให้เตรียมตัวเรื่องอาหารกันมาด้วยนะครับ ว่าจะกินแถวไหน เพราะบริเวณแหล่งท่องเที่ยวผมไม่ค่อยเห็นนะ)
|
ได้ร้านนี้ช่วยชีวิตไว้ |
หลังจากทานอิ่มนอนหลับ ฝนหยุดตก ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยังสะพานชินเคียวแล้ว
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
ว่ากันว่าสะพานชินเคียวเป็นสะพานศักดิ์สิทธิ์ มีแต่บุคคลชั้นสูงเท่านั้นที่สามารถข้ามไปได้ รูปลักษณ์ของสะพานมีลักษณะเป็นสะพานไม้โค้งสีแดงแบบโบราณ มีฉากหลังเป็นภูเขา แม่น้ำ ต้นไม้ ซึ่งหากมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสีจะสวยงามมากครับ เมื่อผมมาถึงก็มีคนทั้งชาวไทย และชาวญี่ปุ่นมายืนถ่ายรูปกันเยอะมาก ทำให้หามุมที่ตัวเองจะถ่ายคู่กับสะพานยากสุดๆ
|
สะพานไม้สีแดงทอดตัวอยูหน้าวิวเขา ต้องไปชมเองให้ได้ |
หลังจากชมสะพานเสร็จก็ถือว่าเกือบจะเสร็จสิ้นกับภารกิจเที่ยวนิกโก้แล้วหล่ะครับ แต่ยังไม่หมดเท่านั้นผมยังมุ่งหน้ามาที่เมืองนิกโก้อีก เพราะมีอีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจสำหรับเมืองนี้นั่นก็คือ เอโดะ วันเดอร์แลนด์ ก็จะเขียนต่อในภาคต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น