เชื่อว่าสำหรับใครหลายๆคน การจะไปท่องเที่ยวที่ไหนซักแห่ง ย่อมต้องมีการวางแผน เตรียมการ ทั้งเรื่องการหาข้อมูลของแหล่งท่องเที่ยว การเดินทาง ค่าใช้จ่าย รวมถึงการบริหารเวลาเพื่อให้ได้เที่ยวสถานที่ต่างๆได้มากที่สุดในเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด
ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ แน่นอนว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่จะต้องเตรียมการ คิดหน้า คิดหลัง ให้รอบคอบที่สุดสำหรับทรัพยากรทั้งเงิน และเวลา แต่ก็มีบางอารมณ์ที่ผมอยากจะท่องเที่ยวโดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรเลย เที่ยวได้เท่าไหร่ ก็เอาเท่านั้น ไม่ต้องสนใจว่าจะเที่ยวได้ครบหรือไม่ อยากจะเที่ยวไหนก็เที่ยว ไปถึงไหนก็ไป จึงเป็นที่มาของการท่องเที่ยวในวันนี้ที่ผมจะเที่ยว
โอซาก้า แบบชิลๆ ได้เที่ยวก็เที่ยว ไปไม่ถึงก็ไม่เป็นไร ถึงเท่าไหร่ก็เท่านั้นครับ
เริ่มออกเดินทางก็ขอสายซะหน่อย
ในวันนี้ผมตั้งใจที่จะออกสายหน่อยเลยหล่ะ (หลังจากที่วันอื่นๆนั้น บางวันต้องออกตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะเดินทางไปให้ครบตามแผนที่วางไว้) กว่าวันนี้จะออกได้ก็ประมาณ 9 โมงแล้วครับ แน่นอนว่าวันนี้ผมจะเที่ยวโอซาก้าแบบไม่ได้สนใจเวลา การเดินทาง ความนิยมหรือจำนวนของสถานที่ การเดินทางท่องเที่ยวในวันนี้ของผมสถานที่แรกที่จะเริ่มเป็นสถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของเมืองโอซาก้าเลยหล่ะ นั่นก็คือปราสาทโอซาก้า ครับ (หมายเหตุสำหรับสถานที่ไป ผมไม่ได้คำนึงถึงการเดินทางว่าสถานที่นี้ควรไปก่อนหรือหลัง การเดินทางส่วนใหญ่ผมก็ใช้ Pocket-Wifi เปิดหาทางเน็ตดู เพราะฉะนั้นสถานที่ไปอาจจะดูแล้วเดินทางวนไปวนมาซึ่งอาจจะไม่ค่อยดีครับ)
ปราสาทโอซาก้า
เมื่อเริ่มที่โอซาก้า ผมก็นั่ง Subway มาลงที่
สถานี Morinomiya Station จากนั้นก็เดินผ่านสวนสาธารณะเพื่อไปยังตัวปราสาทโอซาก้า
|
ปราสาทโอซาก้าอันโด่งดัง |
ต้องขอบอกก่อนว่าปราสาทโอซาก้านั้นผมเคยมาแล้วครั้งนึง ครั้งนี้มาซ้ำก็เลยไม่ค่อยได้ชมอะไรเท่าไหร่ ก็เดินชมเอาบรรยากาศด้านนอกกับเดินเข้าไปชมเรื่องราวประวัติศาสตร์โอซาก้ากันอีกครั้งพอเป็นพิธี
|
นักเรียนญี่ปุ่นก็มาเที่ยวชมกัน |
หลังจากเดินชมด้านนอกและด้านในเสร็จ ผมก็เดินออกมาเพื่อจะไปยังสถานที่ต่อไปซึ่งอยู่ไม่ไกลจากปราสาทโอซาก้า และผมไม่เคยเข้าไปด้วยนั่นก็คือ
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า (Osaka Museum of History)
พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้า (Osaka Museum of History)
สำหรับการเดินทางมาที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์โอซาก้านั้น ผมใช้วิธีเดินมาจากปราสาทโอซาก้าครับ ระยะทางก็ไม่ใกล้ไม่ไกลพอเดินได้ หลังจากมาถึงพิพิธภัณฑ์ก็จะเป็นตึกนะครับเข้าไปด้านในก็ขึ้นไปชมประวัติตามชั้นต่างๆ
|
บ้านเมืองโอซาก้าสมัยก่อน |
เดินมาชั้นนี้มีหุ่นในชุดขุนนางแสดงอยู่
|
หุ่นจำลองแสดงการแต่งกายของขุนนางสมัยก่อน |
โซนนี้จัดเป็นมุมชาวเรือออกทะเล
|
ชาวโอซาก้าผูกพันกับสายน้ำมาตั้งแต่อดีต |
มีจาน ชาม สมัยก่อนมาจัดแสดงด้วย
|
จาน ชาม สมัยก่อน |
หุ่นแสดงการทำงานของแม่บ้านในสมัยก่อน
|
วิถีชาวบ้านในอดีต |
หุ่นยืนเรียงรายยืนดูอะไรซักอย่าง
|
แหล่งบันเทิงของผู้คน |
ผมก็เดินเล่นอยู่ในนี้ซะตั้งนาน พอรู้ตัวอีกทีก็เกือบจะเที่ยงแล้ว ผมจึงเดินออกมาด้านนอกเพื่อจะไปที่อื่นต่อ คิดไป คิดมา ก็เดี๋ยวไปไหว้พระซะหน่อย แต่ระหว่างทางผ่านตึก NHK เห็นสาวญี่ปุ่นส่งเสียงกรี๊ดกันดังเลยเข้าไปดู ก็รู้เลยว่ามารอดารากันนี่เอง
|
สาวญี่ปุ่นมาตามดาราถึงที่นี่ |
วัด Shitenno-ji
วัดนี้ไม่ธรรมดานะครับ เพราะว่ามีอายุกว่า 1,400 ปีแล้ว เรียกได้ว่าเป็นวัดพุทธศาสนาแห่งแรกในญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ การเดินทางมาวัดนี้ให้มาลงที่ สถานี Shitennoji Yuhigaoka Mae ครับ
|
ภายในวัดนี่ใหญ่เอาเรื่องนะ |
แวะกราบไหว้ ขอพรซักหน่อย
|
รูปปั้นของพระบริเวณวัด |
แล้วผมก็มาสะดุดตากับเจ้าสิ่งนี้ มันคืออะไรใครรู้ช่วยบอกหน่อยเหอะ - -? เห็นคนญี่ปุ่นเค้ามาจับๆกัน
|
มันคืออะไร ? |
เดินมาก็เจอพระบริเวณทางออกของวัด แต่ไม่กล้าเข้าไปสนทนาด้วย
|
พระคุยอยู่กับชาวบ้าน |
จากนั้นก็หิวแล้วหล่ะครับ ก็เลยว่าจะหาร้านแถวๆวัดมานั่งกินมื้อเที่ยง แล้วก็มาลงเอยกับร้านนี้
|
ร้านราเมงนี้แหล่ะ |
พอเข้าไปด้านในไม่แน่ใจว่าเป็นพ่อลูกหรือเปล่านะครับ เห็นเค้าทำไปด้วยคุยกันหัวเราะไปด้วย เห็นแล้วก็ดูอบอุ่นดี แล้วผมก็สั่งราเมงน้ำข้นมากิน รสชาติก็ดี ถ้ามีโอกาสจะกลับไปกินใหม่
|
ประทับใจทั้งราเมง ทั้งคนขาย |
หลังจากอิ่มแล้วผมก็จะไปเที่ยวต่อหล่ะ และที่เที่ยวต่อไปผมจะไปนั่งเรือเที่ยวครับ ใช่แล้วผมกำลังจะไปนั่งเรือ
Cruise Ship Santa Maria
Cruise Ship Santa Maria
การเดินทางไปนั่งเรือ Cruise Ship Santa Maria นั้นให้มาลงที่
สถานี Osakako Station แล้วก็เดินต่อมาประมาณ 10 นาที่ครับ แรกๆผมเดินหาก็ไม่รู้อยู่ตรงไหนถามคนญี่ปุ่นแถวนั้นเค้าก็ช่วยพามาครับ
|
เรือลำนี้แหล่ะ ที่จะพาล่องไปชมวิว |
สำหรับเรือ Santa Maria นั้นเป็นเรือจำลองของเรือ Santa Maria ที่คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ที่ใช้ในการสำรวจข้ามมหาสมุทรแอดแลนติก การไปเที่ยวชมจะเป็นรอบๆ ส่วนเวลาเปิด ปิด จะแล้วแต่สภาพอากาศในวันนั้นๆด้วย
|
ด้านในเรือมีแผนที่สำรวจของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส |
เดินเข้ามาด้านในก็จะเจอกับห้องนั่งเล่น
|
ห้องนั่งเล่นมั้งเนี่ย |
เดินเข้าไปอีกก็จะเจอกับห้องอาหาร
|
มีห้องอาหารภายในเรือ |
และแล้วเรือก็วิ่งออกจากท่าครับ
|
ถ้าไปอยู่ด้านหน้าเรือ อาจจะได้เป็นแจ๊คกับโรสในไททานิคก็ได้ |
เริ่มออกไปไกลจากฝั่งมากขึ้น
|
แล่นออกมาจากฝั่งไกลพอสมควร |
แล่นลอดใต้สะพานสีแดงซะหน่อย
|
ลอดใต้สะพานแดงซักหนึ่งรอบ |
หลังจากเรือวิ่งชมวิวทะเลซักประมาณ 30 นาทีเรือก็กลับมาเข้าท่าเป็นอันจบการล่องเรือเที่ยว และต่อไปที่อยู่ออกไปไม่ไกล ผมจะไปนั่งชิงช้าสวรรค์ยักษ์ครับกับ
Tempozan Giant Ferris Wheel
Tempozan Giant Ferris Wheel
หากคุณที่มาคนเดียว ผมคิดว่าเครื่องเล่นนี้ไม่เหมาะกับคุณ แต่หากคุณมีคู่รักมาด้วยแล้ว เครื่องเล่นนี้จะเหมาะสมกับคุณที่สุดเลยครับ
|
ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ |
สำหรับผมที่มาคนเดียวนั้น อย่างแรกที่เห็นเลยคือเค้ามากันเป็นคู่ครับ มาชมพระอาทิตย์ตกบนชิงช้าสวรรค์กับคนที่รู้ใจ มันช่างเป็นบรรยากาศที่ยอดเยี่ยมจริงๆ สำหรับผมมาคนเดียวก็หงอยเหงาเศร้าสร้อยไปตามระเบียบ
|
เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ! |
อย่างที่สองคือ เมื่อผมอยู่คนเดียวไม่พอ ระหว่างที่กำลังหมุนขึ้นไปมันมีเสียงอี๊ดอ๊าดของโครงเหล็กดังขึ้น เป็นเรื่องสิครับในใจเริ่มจิตตก คิดว่าถ้ามันหลุดขึ้นมาแล้วตกลงไปในทะเลนี่ใครจะมาหาเจอ แล้วจะทรมาณขนาดไหน
|
พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ในขณะที่ผมกำลังจิตตก |
หลังจากนั้นพอมันเริ่มลดระดับลงจนเกือบถึงพื้นผมจึงได้สติกลับคืนมา และก็คิดได้ว่าผมจะขึ้นไปให้ทรมาณจิตใจไปทำไมกัน ?
|
เห็นเรือ Santa Maria ที่พึ่งนั่งไปเมื่อกี้จากในชิงช้าสวรรค์ |
พอเสร็จจาก Tempozan Giant Ferris Wheel ผมก็ไปเดินตลาดเป็นการปิดท้ายครับ
|
เดินตลาด Shopping ปิดท้าย |
ก็เป็นอันจบครับ สำหรับการเที่ยวโอซาก้าใน 1 วันแบบชิลๆ แม้ว่าจะไปในสถานที่ไม่ได้มาก แต่ก็รู้สึกดี เพราะเป็นการเที่ยวแบบไม่มีเวลามากดดัน ทำให้เป็นประสบการณ์ท่องเที่ยวไปอีกแบบครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น