เที่ยวญี่ปุ่น (Japan Trip) - อาหารมื้อแรกที่ย่าน นัมบะ (Namba) - โดทงโบริ (Dotonbori)

เริ่มออกเดินทางเที่ยวญี่ปุ่น

สวัสดีครับทุกๆท่าน เนื่องจากทุกวันนี้เริ่มเห็นคนไทยไป เที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง กันเยอะมากขึ้น ประกอบกับเพื่อนๆที่ Office ก็มักจะคุยและวางแพลนไปเที่ยวญี่ปุ่นกัน ซึ่งก็เป็นโอกาสทำให้ตัวผมได้มีเรื่องคุยกับเพื่อนๆ เพื่อพักผ่อนคลายเครียดในการทำงานบนโลกใบนี้ไปได้บ้าง - -! (เพราะว่ามีประสบการณ์ไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองมาแล้วเลยคุยกันรู้เรื่อง) วันนี้จึงได้มีโอกาสเขียน Blog นี้เพื่อทบทวนและรื้นฟื้นความทรงจำเก็บไว้เป็นความสุขและเผื่อจะสามารถเป็นข้อมูลประกอบให้เพื่อนๆได้มีประโยชน์สำหรับการไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองบ้าง

เที่ยวญี่ปุ่น (สนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินมาเก๊า สนามบินคันไซ)

สำหรับทริปนี้ผมตั้งใจจะไปญี่ปุ่นเพื่อไปดู ใบไม้เปลี่ยนสี โดยเดินทางช่วงเดือนพฤศจิกายน แผนเดินทางคร่าวๆก็คือไปลงสนามบินคันไซที่โอซาก้า แล้วนั่งรถไฟ JR เพื่อไปเที่ยวโซนอื่นๆต่อครับ (สำหรับการเตรียมตัวก่อนไปญี่ปุ่น ผมได้เขียนไว้สั้นๆ ที่นี่ครับ Check List ก่อนไปเที่ยวญี่ปุ่น) ประกอบกับออกเดินทางในช่วงดึกมากด้วย (เกือบตี 3 แหน่ะ) จึงทำให้วันที่จะออกเดินทางต้องออกไปทำงานก่อนและกลับมาค่อยมาเก็บเสื้อผ้าลงกระเป๋าอีกที โดยสายการบินสำหรับการเดินทางในครั้งนี้คือสายการบิน แอร์มาเก๊า ซึ่งต้องเดินทางจากกรุงเทพไปแวะที่มาเก๊าก่อนและค่อยต่อเครื่องจากมาเก๊าไปโอซาก้าอีกที แม้ว่าจะต้องเสียเวลาต่อเครื่องซักหน่อย แต่คิดในแง่ดีว่าลองไปเหยียบมาเก๊าดูซักครั้งหล่ะกัน แม้จะมีเวลาเหยียบได้แค่สนามบินก็ตามทีเหอะ - -!
ด้านในสนามบินสุวรรณภูมิ
แวะถ่ายรูปที่สนามบินสุวรรณภูมิ
เนื่องจากเครื่องออกตอนเกือบตี 3 จึงทำให้มีเวลาเตร็ดเตร่เที่ยวอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินอันภาคภูมิใจของชาวไทยอันเป็นที่รักยิ่ง :D
ออกเดินทางโดย แอร์มาเก๊า เวลา ตสาม
เดินทางไปญี่ปุ่นโดยสายการบินแอร์มาเก๊า
สำหรับการจองสายการบินนั้น ตัวผมใช้วิธีหาจากในเว็บ skyscanner ซึ่งก็เลือกตามเงื่อนไขของเรา เช่น สถานที่จะไป วันและเวลาที่จะไป หรือราคาที่เรารับได้ ซึ่งทาง skyscanner ก็ได้หาตั๋วตามเงื่อนไขที่ผมได้ใส่ลงไปและผมได้ตกลงปลงใจเลือกสายการบินแอร์มาเก๊าครับ (โปรดจงเตรียมแผนเผื่อไว้สำหรับเครื่อง Delay ด้วย เพราะตอนผมไปเครื่อง Delay ที่มาเก๊าเกือบ 2 ชั่วโมงแหน่ะ)
พอมาถึงสนามบินมาเก๊าก็เกือบๆเช้าแล้ว ที่นี่หากจะต่อเครื่องไปญี่ปุ่นไม่ต้องผ่าน ตม นะครับ แค่เดินตามป้ายไปจะมีแค่ตรวจกระเป๋าแล้วก็รอต่อเครื่องที่สนามบินเลย ข้างในสนามบินก็ไม่ใหญ่เหมืิอนสนามบินสุวรรณภูมิบ้านเรา แต่ก็พอจะมีร้านค้าให้เราเลือกเดินซื้อของ มีจุดไวไฟฟรี มีที่ให้เสียบชาร์จโทรศัพท์ และมีร้านอาหาร (ผมเลือกกินหมี่ผัดกับข้าวต้มก็แปลกๆดีครับ) ให้กินพอฆ่าเวลาได้ หลังจากลงหลักปักฐานอยู่ที่สนามบินมาเก๊าประมาณ 4 ชั่วโมงก็ได้เวลาขึ้นเครื่องไปโอซาก้าต่อแล้วครับ
ภายในสนามบินมาเก๊า
บรรยากาศในสนามบินมาเก๊า


ถึงแล้ว! ญี่ปุ่น - สนามบินคันไซ (Kansai Airport)

และแล้วก็มาถึง สนามบินคันไซ ประเทศญี่ปุ่น มาพูดถึงสนามบินกันหน่อย สนามบินคันไซนั้นเปิดดำเนินการเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2537 เป็นสนามบินนานาชาติ ซึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวแถบคันไซก็ต้องมาลงที่สนามบินนี้
เมืองโอซาก้า สนามบินคันไซ
สนามบินคันไซ
สำหรับตัวผมเมื่อมาถึงสนามบินที่นี่ครั้งแรกก็เกือบงานเข้าหล่ะครับ เมื่อ ตม ของที่นี่บอกให้ช่วยเปิดกระเป๋าให้ดูหน่อยแล้วก็ถามประมาณว่าไม่มีของต้องห้ามมาใช่หรือไม่ พักกี่วัน พักที่ไหน กลับวันไหน (ภาษาอังกฤษสำเนียงญี่ปุ่น ไอ้เราเรอะก็ภาษาอังกฤษยอดแย่ ภาษาญี่ปุ่น ยิ่งไม่ได้เข้าไปใหญ่ ซึ่งก็ฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง) แต่หลังจากถามตอบไปซักพักสุดท้ายก็ผ่านเข้าประเทศญี่ปุ่นได้เรียบร้อย โดยหลังจากผ่าน ตม มาแล้วภารกิจแรกที่ต้องทำที่ญี่ปุ่นก็คือเอา JR Voucher ไปแลกกับตั๋ว รถไฟ JR ครับ เนื่องจากทริปนี้ผมต้องการเที่ยวญี่ปุ่นแบบหลายๆโซน ลองบวกลบคูณหารดูแล้วคิดว่าการซื้อตั๋วรถไฟ JR มาคุ้มค่ากว่าเลยจัดซะเลย ซึ่งที่แลกตั๋วรถไฟ JR (JR Ticket Office) ก็อยู่ไม่ไกลจากทางออกเพื่อที่จะไปขึ้นรถไฟครับ เดินมาเรื่อยๆก็จะเห็น สำหรับการแลกตั๋วรถไฟ JR Pass นั้นให้เราเอา JR Voucher ที่ได้มาจากที่เมืองไทย (JR Voucher ไม่มีขายที่ญี่ปุ่นนะครับ) บวกกับ Passport ของเรายื่นให้กับทางเจ้าหน้าที่ แล้วเค้าจะให้เราระบุว่าเราจะเริ่มใช้ตั๋ววันไหน (ตั๋วรถไฟ JR Pass มีวันหมดอายุตามประเภทของตั๋ว ดังนั้นวางแผนดีๆก่อนที่จะใช้ครับ) หลังจากแลกเสร็จเรียบร้อย ภารกิจต่อไปก็คือการเอาของไปเก็บที่โรงแรมและออกมาหาอะไรกินมื้อเย็นกัน
Office Ticket ทีี่แลกตั๋วรถไฟ JR
จากรูปนี้จะเห็น JR Ticket Office อยู่ทางซ้ายมือ ตรงป้ายสีฟ้า ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอครับ
ระหว่างเดินเล่นไปขึ้นรถไฟ JR ของสนามบินก็พบกับใบไม้เปลี่ยนสี เป็นการประเดิมสำหรับทริปนี้
ใบไม้เปลี่ยนสีที่สนามบินคันไซ
ใบไม้เปลี่ยนสีแถวสนามบินคันไซ
หลังจากเดินตามป้ายเพื่อมาขึ้นรถไฟ JR ซักพักก็ถึงครับ บรรยากาศตอนนั้นนี่ขอบอกเลยว่ารู้สึกดีมากๆแม้จะยังไม่ได้เที่ยวอะไรเลยก็ตามแต่ก็รู้สึกได้ถึงการมาเที่ยว การมาพักผ่อน และรู้สึกชอบเป็นพิเศษกับเสียงผู้หญิงประกาศเวลารถไฟจะมาครับ (จะมีใครคิดเหมือนผมบ้าง) ทำให้นึกถึงบรรยากาศของการเที่ยวญี่ปุ่นโดยแท้สำหรับผมอะนะ
JR Pass
คนต่อแถวรอขึ้นรถไฟ JR
หลังจากนั่งรถไฟ JR มาประมาณเกือบชั่วโมงผมก็ลงที่สถานี Shin-Osaka ครับ และก็ต่อ Subway ไปลงสถานี Nishinagajima-Minamigata อีก 1 สถานี เนื่องจากโรงแรมที่ผมพัก (Hotel Consort) อยู่แถวสถานีนี้เดินออกจากสถานีนิดเดียวก็ถึงครับ อ้อนิดนึงสำหรับการวางแผนการเดินทางรถไฟผมใช้ข้อมูลจากเว็บ hyperdia ครับเนื่องจากดูง่ายและละเอียดมากจริงๆ (แอบอยากให้เมืองไทยมีแบบนี้บ้าง)
โรงแรมที่โอซาก้า
โรงแรม Hotel Consort ที่พักในโอซาก้า

ทานอาหารมื้อแรกย่านนัมบะ (Namba) - โดทงโบริ (Dotonbori)

เป้าหมายแรกสำหรับการมาถึงญี่ปุ่นก็คือหาอาหารเย็นกินกันครับ ซึ่งผมวางแผนจะไปกินแถวย่าน นัมบะ (Namba)โดทงโบริ (Dotonbori) สถานที่ยอดฮิตของชาวโอซาก้านั่นเอง ผมนั่ง Subway ไปลงที่ สถานี Namba (เดินออกจากสถานีประมาณ 5 นาทีก็ถึง) โดยวางแผนไว้ว่าคงไปเดินเล่นแถวนั้นก่อนแล้วร้านไหนท่าทางหน้ากินก็จะจัดเลย ซึ่งเมื่อมาถึงก็เป็นไปตามคาดครับคนเยอะมาก เดินกันให้ควักไขว่ ก็เหมาะแก่การมาเดินเล่นดี
โดทงโบริ กินขาปูยักษ์
ร้านปูยักษ์น่ากินสไตล์ญี่ปุ่นอยู่คู่กับร้านกาแฟ Starbucks
เดินเล่นไปก่อน หิวเต็มที่จะได้กินจัดหนัก
คนเดินเต็มที่ โดทงโบริ
บรรยากาศทั่วไป มีทั้งคนเดินเล่น คนถ่ายรูป และคนแจกใบปลิวเข้าร้านต่างๆ
สุดท้ายแล้วก็ตกลงปลงใจที่ร้าน CREO-RU ครับ ที่เลือกร้านนี้ก็เพราะเห็นคนเยอะดีและอยากมาลองกินโอโคโนมิยากิ (okonomiyaki) ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นพิซซ่าญี่ปุ่น อยากจะรู้หล่ะครับว่ารสชาติจะออกมาเป็นยังไง
กินอาหารที่ร้าน CREO-RU ใน โดทงโบริ
ร้านอาหารมื้อแรกที่ญี่ปุ่น
คนแน่นร้าน
คนต่อคิวทั้งด้านหน้าและหลังร้าน แสดงว่าต้องอร่อยแน่
แล้วผมก็จัดไป 2 อย่างคือ ทาโกะยากิ (Takoyaki) และ พิซซ่าญี่ปุ่นโอโคโนมิยากิ (okonomiyaki) โดยภาพรวมสำหรับอาหารมื้อแรกนั้นจะด้วยความหิวหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ ต้องขอบอกเลยว่าทาโกะยากินั้นอร่อยจริงจัง พอทานเข้าไปแล้วความร้อนที่ระเบิดออกมารวมกับซอสที่ราดและปลาโอแห้งที่โรยไว้ด้วยแล้วนั้นทำให้กินลงไปแล้วน้ำตาจะไหล (เพราะปากพอง) ส่วนโอโคโนมิยากินั้นก็เรียกได้ว่าอร่อยไม่แพ้กัน ถ้าดูจากหน้าตาคาดว่าส่วนประกอบน่าจะคล้ายกับทาโกะยากิจะมีที่เพิ่มก็ไข่บวกแป้งเข้ามา
พิซซ่าญี่ปุ่นโอโคโนมิยากิ และ ทาโกะยากิ
มื้อนี้จัดไป 2 อิ่มจนท้องจะแตก
ซึ่งหลังจากจัดแจงกับอาหารจนพุงกางเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลาเดินเที่ยวอีกซักเล็กน้อยก่อนกลับเข้าที่พักครับ
ร้านขายของ ใน โดทงโบริ
ข้างในร้านนี้ไม่รู้ขายของอะไรบ้าง ?
ป้ายกูลิโกะ ใน โดทงโบริ
เดินเล่นเลียบคลองกับลมเย็นๆ
ตอนดึก ที่ โดทงโบริ
บรรยากาศทั่วไปตอนดึกที่ โดทงโบริ
ในวันแรกนี้สรุปก็ใช้เวลาเดินทางจากเมืองไทยถึงญี่ปุ่นก็ทั้งวันครับ มีแวะเสียเวลารอเปลี่ยนเครื่องที่มาเก๊าหน่อย และพอมาถึงญี่ปุ่นก็หาข้าวกินแถวย่านนัมบะ-โดทงโบริ สุดท้ายก็ขอจบการเดินทางในวันแรกจากเมืองไทยสู่ญี่ปุ่นเพียงเท่านี้ และจะเป็นการเริ่มต้นสำหรับการเที่ยวญี่ปุ่นแบบจริงจังในครั้งต่อไปครับ


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น